ออกแบบกล่องผลิตภัณฑ์ ต้องเตรียมข้อมูลอะไรบ้าง

ข้อมูลที่จำเป็นต้องเตรียมก่อนเริ่มทำการออกแบบกล่องผลิตภัณฑ์หลักๆ จะแบ่งเป็น 5 หัวข้อใหญ่ดังนี้

  1. ขนาดของชิ้นงาน โดยขนาดที่ต้องการจะเป็นแบบ กว้างxยาวxสูง (โดยใช้หน่วยเป็น เซนติเมตร/นิ้ว/หรือมิลลิเมตร)
  2. ข้อมูลของสินค้า รายละเอียดข้อมูลสินค้าต่างๆ เช่น
    • ชื่อสินค้า/คำอธิบายสินค้า (สินค้ามีจุดเด่นอะไรประโยชน์ของสินค้าคืออะไร)
    • ส่วนประกอบ/วิธีใช้งาน
    • ปริมาณสุทธิ/น้ำหนักสินค้า
    • ผู้ผลิตหรือผู้จัดจำหน่าย/ช่องทางการติดต่อ  (เช่น ช่องทางการสั่งซื้อสินค้าหรือสอบถามข้อมูลสินค้า Fackbook/Line/Instagram)
    • สัญลักษณ์รองรับมาตรฐานสินค้า (เช่น อย./GMP/ฮาลาล)
  3. ภาพประกอบ กรณีต้องการใส่ภาพประกอบของชิ้นงานภาพพรีเซนเตอร์และ ภาพสื่อถึงกลิ่นหรือรสชาติลงในงานออกแบบ
  4. โลโก้แบรนด์ โดยอาจจะเป็นโลโก้ของตัวสินค้าเอง หรือเป็นโลโก้บริษัทที่ได้ผลิตสินค้าขึ้นมา (ในส่วนของโลโก้ รบหวนเตรียมเป็นไฟล์รูปแบบ .ai เพื่อใช้สำหรับการออกแบบแก้ไขและผลิตชิ้นงาน)
  5. แจ้ง Reference และรูปแบบกล่องผลิตภัณฑ์ที่ต้องการ เช่น แจ้งสไตล์ออกแบบที่ชอบหรือต้องการ  โทนสีที่ต้องการเน้นใช้ โดยการแนบตัวอย่างอ้างอิง เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดและได้งานออกแบบออกมาได้ตรงตามความต้องการมากที่สุด

วิธีวัดขนาดกล่องผลิตภัณฑ์ โดยขนาดกล่องผลิตภัณฑ์มีหลากหลายขนาดตามความต้องการในการใช้งาน ทางเราจึงแนะนำวิธีวัดขนาดกล่องผลิตภัณฑ์เพื่อเตรียมข้อมูลให้กับทีมงานออกแบบง่ายๆ ดังนี้

  • วัดจากขนาดของกล่อง โดยทำการวัด 3 ส่วนได้แก่ วัดความกว้าง วัดความยาวและ วัดความสูง ตามภาพตัวอย่าง
  • นกรณีที่ไม่สามารถหาขนาดกล่องที่แน่นอนได้ แต่อาจจะมีขนาดของสินค้าที่ผลิมาไว้อยู่แล้ว สามารถนำตัวสิ้นคามาวัดขนาด เพื่อมาคำนวณขนาดกล่องที่จะออกแบบได้ โดยอาจจะต้องทำการเผื่อขนาดไว้เพิ่มประมาณ 0.5-1 cm เพื่อให้ตัวสินค้าบรรจุในกล่องได้พอดี

รายละเอียดข้อมูลที่ต้องมีเบื่องต้นของการออกแบบกล่องผลิตภัณฑ์ จะมีประมาณนี้ แต่ถ้าลูกค้าหรือผู้สนใจท่านใดมีข้อสงสัย สามารถติดต่อสอบถามทาง The Design ได้ครับ ทางเรายินดีให้บริการครับ


บทความที่น่าสนใจอื่นๆ


ช่องทางการติดต่อ

สิ่งที่ควรเตรียมตัวก่อนทำการออกแบบโลโก้ และรูปแบบโลโก้แต่ละแบบ

หลายๆ คนในยุคนี้มีความคิดอยากเป็นเจ้าของกิจการ หรือเป็นเจ้าของแบรนด์ของตัวเอง จุดเริ่มต้นบางคนอาจจะเริ่มออกแบบวางแผนธุรกิจ ออกแบบแผนการตลาด ที่สิ่งที่ขาดไปในได้เลยในการสร้างภาพลักษณ์ให้กับร้านค้า หรือแบรนด์ของตัวเองคือโลโก้ วันนี้ทางเราทีมงาน The Design จะมาแนะนำสิ่งที่ต้องเตรียมตัวก่อนเริ่มคิดจะออกแบบโลโก้

เริ่มแรกเราต้องรู้ก่อนว่าเราจะทำร้านหรือสร้างแบรนด์ที่จะขายสินค้าและบริการอะไรแบบไหน ต้องการวางรูปแบบและภาพลักษณ์แบรนด์อย่างไร โดยจะมีสิ่งที่ต้องเตรียมหลักๆ อยู่  3 อย่างด้วยกันคือ

  1. ชื่อแบรนด์ และ สโลแกนหรือคำโฆษณาสั้นๆ ที่แนะนำตัวแบรนด์เอง (ถ้ามี)
  2. ภาพประกอบหรือสัญลักษณ์ที่ต้องการใช้ในชิ้นงาน อาจจะเป็นภาพสัญลักษณ์ที่สื่อถึงสินค้าหรือบริการที่แบรนด์ได้ให้บริการหรือ ภาพสัญลักษณ์สื่อถึงชื่อของตัวแบรนด์เอง
  3. เตรียม Reference ของงานออกแบบที่ชอบหรือต้องการ หรือตัวอย่างในสไตล์ที่แจ้งไว้ เพื่อทำให้ทีมงานนักออกแบบเข้าใจในสิ่งที่คุณลูกค้าต้องการมากขึ้น และออกแบบชิ้นงานออกมาได้ตรงความต้องการของลูกค้ามากที่สุด (ส่วนนี้สำหรับเรา ทีมงาน The Design คิดว่าสำคัญมากควรจะต้องมีไว้)

โดยโลโก้ต่างๆ นั้นก็จะมีสไตล์ ต่างกันออกไป โดยอาจจะแบ่งย่อยๆ ได้ออกประมาณ 5 ประเภทดังนี้

1.โลโก้ประเภทตัวอักษร เรียบง่าย ชัดเจน จดจำได้ง่าย โดยการนำชื่อแบรนด์ตรงๆ มาประดิษฐ์อักษรหรือเติมลูกเล่นและนำมาใช้เป็นชิ้นงานโลโก้เลย โดยโลโก้สไตล์นี้จะให้ความรู้สึกว่ามีความ มินิมอล เรียบง่าย และสวยงาม


2.โลโก้ประเภทภาพสัญลักษณ์ ใช้งานง่าย สวยงาม ช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับชิ้นงาน เป็นรูปแบบที่มีความสวยงานและใช้งานได้ง่าน ทั้งการนำสัญลักษณ์มาใช้อย่างเดียวหรือ เป็นตัวทั้งสัญลักษณ์และชื่อแบรนด์ มีความยืดหยุ่นในการใช้งานค่อนข้างสูง


3.โลโก้ประเภทภาพการ์ตูนคาแรคเตอร์หรือมาสคอส มีความเชื่อโยงกับตัวของแบรนด์หรือเจ้าของสูง ข้อเสียคือถ้าโลโก้มีรายละเอียดเยอะเกินไปอาจจะทำให้งดจำได้ยากหรือใช้งานยาก


4.โลโก้ประเภทภาพพร้อมต้วอักษร เป็นรูปแบบที่มีความนิยมค่อนข้างสูง มีความเป็นเอกลักษณ์ และใช้งานได้ไม่ยากจนเกินไป โดยโลโก้ประเภทนี้จะเป็นรูปแบบที่มีลูกเล่นระหว่างตัวข้อความชื่อแบรดน์ และสักษณ์หรือภาพต่างๆ ที่สื่อถึงตัวสินค้าหรือแบรนด์เองเป็นโลโก้เอง


5.โลโก้ประเภทภาพตราสัญลักษณ์ เป็นรูปแบบที่ให้ความเป็นทางการและมีความซับซ้อนของโลโก้อยู่สูง จึงอาจจะไม่สามารถใช้งานโลโก้ได้เหมาะกับทุกรูปแบบหรือสถานการณ์ แต่ข้อดีคือมีความเป็นทางการสูงมีส่วนของการใส่รายละเอียดและลูกเล่นต่างๆ ได้มาก โดยตัวโลโก้ประเภทนี้จะเป็นรูปแบบที่มีข้อความหรือภาพต่างๆ วางอยู่ในรูปทรงภาพเลขาคณิต เช่น สี่เหลือม วงกลม หรือสามเหลี่ยมเป็นต้น

โดยโลโก้รูปแบบแต่ละประเภาก็มีความสวยงานและประโยชน์ใช้งานต่างๆ กันออกแบบตามแต่ละความต้องการ และความของของแต่ละท่าน ไม่มีแบบใดดีกว่าอีกแบบอย่างชัดเจน โดยในส่วนนี้ถ้ามีลูกค้าท่านใดมีข้อสงสัย หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามทาง The Design ได้ครับ ทางเรายินดีให้บริการครับ


บทความที่น่าสนใจอื่นๆ


ช่องทางการติดต่อ

อยากออกแบบโลโก้แบรนด์ ต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง

สิ่งแรกที่ต้องถามตัวเองก่อนที่จะทำการออกแบบโลโก้แบรนด์ คือเราต้องการสื่ออะไร ด้วยความที่โลโก้แบรนด์ คือหน้าตาของธุรกิจของคุณ คุณต้องคิดมาแล้วว่าต้องการใส่รายละเอียดอะไรลงไปในชิ้นงานโลโก้นั้นบ้าง

โดยข้อมูลเริ่มต้นที่คุณลูกค้าต้องทำการเตรียมมาจะมีทั้งหมด ตามนี้

  1. ชื่อแบรนด์ ของคุณ
  2. สัญลักษณ์หรือรูปแบบโลโก้ที่ต้องการและสีสันที่ต้องการใช้
  3. สโลแกนของแบรนด์ ที่ต้องการใส่ (ในส่วนนี้อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้)

1. ชื่อแบรนด์

  • เป็นสิ่งที่ต้องเตรียมมาตั่งแต่ต้น โดยอาจจะเป็นชื่อภาษาอังกฏษ ภาษาไทย หรือ อาจจะเป็นทั้ง 2 ภาษาก็ได้ โดยแต่ล่ะแบบก็จะมีข้อดีข้อเสียในการออกแบบที่ต่างกันออกไปโดย
  • ภาษาอังกฤษ ข้อดี เนื่องจากภาษาอังกฤษนั้นไม่มีตัว สระและวรรณยุกต์ที่อยู่ด้านบนหรือด้านล่างของตัวอักษร จึงทำให้สามารถจัดเรียงและวางตัวอักษรได้ง่ายและสวยงาม
  • ภาษาไทย ข้อดี เนื่องจากเราเป็นคนไทยใช้ภาษาไทยในการสื่อสารอยู่แล้ว การใช้ภาษาไทยจึงทำให้อ่านได้ง่าย สื่อสารง่าย เข้าใจง่าย แต่ข้อเสียดก็คือภาษาไทยเป็นภาษาที่มีตัววรรณยุกต์และสระที่อยู่ด้านบนหรือด้านล่างของตัวอักษร จึงทำให้มีปัญหาในการอกแบบที่บางทีจะออกมาได้อย่างไม่สมดุลหรือไม่สวยงาม

2. สัญลักษณ์หรือรูปแบบโลโก้ที่ต้องการและสีสันที่ต้องการใช้

  • โดยสัญลักษณ์หรือไอคอนของแบรนด์อาจจะมีได้หลายรูปแบบหลายประเภทโดย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมของโลโก้รูปแบบต่างๆ ตามลิงค์นี้ รูปแบบโลโก้แต่ละแบบ
  • โดยโลโก้อาจจะเป็นการใช้ชื่อแบรนด์เฉยๆ มาใช้ใส่ลูกเล่นต่างๆ เลยโดยไม่ต้องมีสัญลักษณ์อะไรเลยก็สามารถทำได้เช่นกัน เช่นตัวอย่างตามนี้

และส่วนที่ต้องเลือกต่อมาคือสีสันที่ต้องการใช้เป็นเอกลักษณ์หรือภาพจำของแบรนด์ โดยสีสันต่างๆ ก็มีความหมายและให้ความรู้สึกต่อแบรนด์ต่างๆ กันออกไปเช่น

และส่วนสำคัญที่ทางเราเน้นและขอจากลูกค้าเสมอก่อนทำการอกแบบคือ Reference ของงานออกแบบที่ต้องการ เพื่อจะทำให้ทางผู้ออกแบบเข้าใจความต้องการของลูกค้ามากที่สุดการการดูภาพตัวอย่างหรือ Reference งานที่ลุกค้าส่งมาเนื้องจากบางที่ความสวยของแต่ละบุคลไม่เหมือนกันโลโก้แบบเรียบๆ ของบางคนอาจจะไม่เรียบสำหรับอีกคนก็ได้ เพราะฉะนั้นในส่วนนี้ Reference จึงสำคัญต่อนักออกแบบมากเพื่อทำความเข้าใจในความต้องการของลูกค้า และทำการออกแบบงานออกแบบออกมาได้ตรงตามความต้องการลูกค้ามากที่สุด

3. สโลแกนของแบรนด์ ที่ต้องการใส่ (ในส่วนนี้อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้)

โดยส่วนนี้อาจจะเป็นคำสโลแกน คำเคลม หรือคำคมที่สื่อถึงภาพลักษณ์ของแบรนด์ สามารถเ็นอะไรก็ได้เพื่อให้ภาพลักษณ์และสื่อถึงตัวตนของแบรนด์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ตัวอย่างตามภาพ

รายละเอียดที่ต้องมีเบื่องต้นของการออกแบบโลโก้ที่ลูกค้าจต้องเตรียมจะมีประมาณนี้ แต่ถ้าลูกค้าหรือผู้สนใจท่านใดมีข้อสงสัย สามารถติดต่อสอบถามทาง The Design ได้ครับ ทางเรายินดีให้บริการครับ


บทความที่น่าสนใจอื่นๆ


ช่องทางการติดต่อ

ออกแบบ Company Profile ที่ดีควรทำอย่างไร

สิ่งแรกที่ต้องถามตัวเองก่อนที่จะทำการออกแบบ Company Profile คือเราทำไปเพื่ออะไร จุดประสงค์ในการทำคืออะไร และความสำคัญของ Company Profile คือใช้เพื่ออะไร

จากประสบการณ์ที่ผ่านมาบริษัทที่น่าเชื่อถือเวลานำเสนอ สินค้าและบริการส่วนใหญ่ จะมีการแนบ Company Profile ไปด้วยในการนำเสนองาน เพื่อความน่าสนใจและเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้าในอนาคต สิ่งสำคัญ 3 หลักใหญ่ๆ ที่ต้องเข้าใจและตีความให้ได้คือ

  1. จะทำให้ลูกค้ารู้จักเราได้ยังไง
  2. ทำไมลูกค้าต้องรู้จักเรา
  3. ลูกค้ารู้จักเราแล้วจะได้ประโยชน์ต่อตัวลูกค้าเองอย่างไร

โดยรายละเอียดที่ต้องใส่ในเอกสาร Company Profile นั้นต้องสั้นกระชับ เข้าใจง่ายและชัดเจน ในรายละเอียดไม่ควรใส่มากเกินไป ควรเน้นเฉพาะรายละเอียดหรือเรื่องสำคัญที่ต้องการนำเสนอ โดยข้อมูลที่ใส่ลงไปนั้น ต้อง “น่าสนใจ และมีความน่าเชื่อถือสูง” โดยข้อมูลทั้งหมดต้องเป็นความจริง ที่สามารถตรวจสอบหรือสามารถอ้างอิงได้

โดยเนื้อหาที่นำมาใส่ในการออกแบบ Company Profile นั้น โดยหลักจะแยกได้เป็น 2 ส่วนคือ

  1. ข้อมูลที่เป็นมาตรฐาน ไม่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้ง เช่นชื่อบริษัท ประวัติการก่อตั้งบริษัท โครงสร้างการบริหารของบริษัท วิสัยทัศน์องค์กร ช่องทางการติดต่อ
  2. ข้อมูลที่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้ง เช่น ผลงานของบริษัท รายชื่อลูกค้าที่เคยให้บริการ รวมทั้งสินค้าและบริการ

และข้อมูลปลีกย่อยอื่นๆ ที่ทางเจ้าของหรือผู้ที่สนใจจะทำ Company Profile ควรคิดตัดสินใจมาก่อนเช่น

  • – ชิ้นงานมีขนาดเท่าไหร่ โดยขนาดก็มีตั่งแต่ขนาด A3, A4, A5
  • ชิ้นงานมีจำนวนกี่หน้า โดยจำนวนหน้าขึ้นอยู่กับรายละเอียดข้อมูลที่ต้องการใส่ใน Company Profile

โดยเบื้องต้น ข้อมูลที่ทางเจาของบริษัท หรือเจ้าของกิจการจำต้องเตรีมเพื่อการออกแบบ Company Profile นั้น มีตามนี้

  1. 1. ชื่อบริษัท และโลโก้ของบริษัท (ถ้าต้องการใส่)
  2. 2. ประวัติ และข้อมูลของบริษัท
  3. 3. โครงสร้างการบริหารของบริษัท อาจรวมทั้ง นโยบาย และวิสัยทัศของบริษัท
  4. 4. สินค้าและบริการของบริษัท
  5. 5. ผลงานที่ผ่านมา และรายชื่อลูกค้า (ถ้าต้องการใส่)
  6. 6. ช่องทางการติดต่อ

รายละเอียดที่ต้องมีเบื่องต้นของการออกแบบ Company Profile จะมีประมาณนี้ แต่ถ้าลูกค้าหรือผู้สนใจท่านใดมีข้อสงสัย สามารถติดต่อสอบถามทาง The Design ได้ครับ ทางเรายินดีให้บริการครับ

บทความที่น่าสนใจอื่นๆ


ช่องทางการติดต่อ

Top